ชื่อวิทยาศาสตร์ : Punica granatum L.
|
ชื่อสามัญ : Pomegranate , Punica apple
|
วงศ์ : Punicaceae
|
ชื่ออื่น : พิลา
(หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว
(น่าน) มะเก๊าะ (เหนือ)
หมากจัง (แม่ฮ่องสอน)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้น หรือพรรณไม้พุ่ม
ขนาดเล็ก ลักษณะผิวเปลือกลำต้นเป็นสีเทา ส่วนที่เป็นกิ่งหรือยอดอ่อนจะเป็นเหลี่ยม หรือ
มีหนามแหลมยาวขึ้น ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปยาวรี โคนใบมน แคบ
ส่วนปลายใบเรียวแหลมสั้น ผิวหลังใบ
เกลี้ยงเป็นมัน ใต้ท้องใบจะเห็นเส้นใบได้ชัด ขนาดของใบกว้างประมาณ 1
- 1.8 ซม. ยาว ประมาณ
2.5 - 6 ซม. ดอก
ดอกออกเป็นช่อ หรืออาจจะเป็น ดอกเดียว
ในบริเวณปลายยอด หรือง่ามกิ่ง
ลักษณะของดอกมีเป็น สีส้ม
สีขาว หรือสีแดง ดอกหนึ่งมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ
ปลายกลีบ ดอกจะแยกออกจากกัน ตรงกลางดอกมีเกสร
ตัวเมีย และตัวผู้ซึ่งมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ขนาดของดอกบานเต็มที่มีเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 2
- 3 ซม. ผลมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้าง กลม
ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลเมื่อแก่หรือ
สุกเต็มที่มีสีเหลืองปนแดง และลักษณะของผล
จะแตก หรืออ้างออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดเป็น จำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม
มีสีชมพูสด ดอก ดอกออกเป็นช่อ
หรืออาจจะเป็น ดอกเดียว ในบริเวณปลายยอด
หรือง่ามกิ่ง ลักษณะของดอกมีเป็น สีส้ม
สีขาว หรือสีแดง ดอกหนึ่งมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ
ปลายกลีบ ดอกจะแยกออกจากกัน ตรงกลางดอกมีเกสร
ตัวเมีย และตัวผู้ซึ่งมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ขนาดของดอกบานเต็มที่มีเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 2
- 3 ซม. ผลมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้าง กลม
ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลเมื่อแก่หรือ
สุกเต็มที่มีสีเหลืองปนแดง และลักษณะของผล
จะแตก หรืออ้างออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดเป็น จำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม
มีสีชมพูสด
ส่วนที่ใช้ : ใบ ดอก เปลือกผลแห้ง เปลือกต้นและเปลือกราก เมล็ด |
สรรพคุณ :
วิธีและปริมาณที่ใช้
1.
ถ่ายพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลม ได้ผลดี
ใช้เปลือกสดของราก , ต้น ที่เก็บใหม่ๆ 60 กรัม หรือประมาณ 1/2 กำมือ เติมกานพลูหรือกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อแต่งรส ต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (30 ซี.ซี.) หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง รับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลือ 2 ช้อนโต๊ะตาม ควรอดอาหารก่อนรับประทานยา
2.
ยาแก้ท้องร่วง ท้องเดิน
(ไม่ใช่บิด หรือ อหิวาตกโรค)
ใช้เปลือกผล ตากแดดให้แห้ง ประมาณ 1/4 ของผล ฝนกับน้ำฝนหรือน้ำปูนใสให้ข้นๆ รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนแกง หรือต้มกับน้ำปูนใส แล้วดื่มน้ำที่ต้มก็ได้
3.
บิด (มีอาการปวดเบ่ง
และมีมูก หรืออาจมีเลือดด้วย)
ใช้เปลือกผลแห้งของทับทิม ครั้งละ 1 กำมือ (3-5 กรัม) ต้มกับน้ำ ดื่มวันละ 2 ครั้ง อาจใช้กานพลูหรืออบเชยแต่งกลิ่นให้น่าดื่มก็ได้
สารเคมี
เปลือกผลมีรสฝาด เนื่องจากมี tannin 22-25% gallotannic acid สารสีเขียวอมเหลือง รากมีสารอัลคาลอยด์ ชื่อ pelletierine และอนุพันธ์ของ pelletierine คุณค่าด้านอาหาร ทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้รสหวาน หรือเปรี้ยวหวาน มีวิตามินซี และแร่ธาตุหลายตัว ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และบำรุงฟันให้แข็งแรง |
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ทับทิม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น